เครื่องดื่มบรรเทาอาการแพ้ท้อง

เครื่องดื่มบรรเทาอาการแพ้ท้อง

บทความเกี่ยวกับ
เผยแพร่เมื่อ 29 ม.ค. 2564 09:09 น.

คุณแม่ที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก ส่วนใหญ่มักจะประสบกับปัญหาของอาการแพ้ท้อง ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืด วิงเวียนศรีษะ ฯลฯ เหล่านี้มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน Human Chorionic Gonadotropin (HCG) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เมื่อฮอร์โมนผลิตออกมาฝังในตัวอ่อนของมดลูกมีปริมาณมาก ก็ยิ่งทำให้เกิดอาการแพ้ท้องหนักมากตามไปด้วย ทำให้หลายครั้งคุณแม่อย่างเราไม่อาจรับประทานอาหารชนิดใดได้เลย ถ้าได้ก็น้อยมากๆ โดยเฉพาะส่วนใหญ่แล้ว คุณแม่ทั้งหลายมักประสบปัญหาของเครื่องดื่ม เพราะเมื่อเราแพ้ปากและน้ำลายมักจะขมปัญหาที่เรากระทบโดยตรงคือ การดื่มน้ำเปล่าไม่ได้นั่นเองเพราะยิ่งดื่มน้ำเปล่าที่เคยรู้สึกสดชื่น กลับมีความขมไม่ต่างจากการที่เรากำลังดื่มยาขมชนิดเข้มข้นอย่างไรอย่างนั้น


เมื่อเป็นเช่นนี้ ว่าที่คุณแม่จึงประสบกับปัญหาภาวะแทรกซ้อนขึ้นบ่อยๆ นั่นก็คือ “ภาวะร่างกายขาดน้ำและน้ำตาลในเลือดต่ำ” เมื่อร่างกายเราไม่ได้รับสารอาหารชนิดใดเข้าไป ก็ย่อมไร้เรี่ยวแรงพลัง มีอาการหน้ามืด ท้องไส้ปั่นป่วน อยากจะเป็นลมวันละหลายๆ รอบ ดังนั้น เราควรหาวิธีรับมือกับภาวะร่างกายขาดน้ำและภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำไปพร้อมกันดีกว่า โดยเริ่มต้นทำได้ง่ายๆ เพียงหันมาจิบเครื่องดื่มเหล่านี้กันค่ะ

แก้อาการแพ้ท้องด้วยขิง
คุณแม่มือใหม่ทราบไหมว่า... ขิงที่ทำออกมาในรูปแบบต่างๆ สามารถช่วยลดอาการแพ้ท้องได้ทั้งสิ้น อย่างเช่น น้ำขิง ชาขิง คุ้กกี้หรือขนมที่มีส่วนผสมการทำมาจากขิง ขิงเชื่อม และปัจจุบันมีขิงที่แปรรูปออกมาจำหน่ายในรูปแคปซูลอยู่มากมายไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม คุณแม่ควรทานให้ได้ทุกวัน วันละหนึ่งกรัมซึ่งเท่ากับการได้ทานน้ำขิงประมาณ 3-4 แก้ว การใช้ขิงในการบรรเทาอาการแพ้ท้องนี้ ไม่ก่อให้เกิดอาการข้างเคียงกับทารกแต่อย่างใด นักวิจัยจึงได้เริ่มศึกษาคุณแม่ท้องอ่อนที่มีอายุครรภ์ไม่เกิน 4 เดือน โดยเปรียบเทียบผลการใช้ขิงรักษา พบว่าขิงเป็นยาแก้แพ้ท้องที่ไม่มีพิษภัยใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อทารกน้อยในครรภ์ อีกทั้งยังออกมายืนยันว่าขิงเป็นยาสมุนไพรที่ช่วยลดอการแพ้ท้องได้ดี อีกทั้งขิงยังมีคุณสมบัติเป็นยาระบาย ช่วยขับลมในท้อง ลดและบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้เป็นอย่างดี คุณแม่แพ้ท้องทั้งหลายจึงให้ความสนใจในการเลือกจิบน้ำขิงร้อนๆ ซึ่งช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นได้ดีอีกด้วย


เครื่องดื่มหวานๆ ให้พลังงานแก่ร่างกาย
คุณแม่ที่ยังไม่สามารถทานอาหารได้เยอะจึงทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียได้ง่าย เครื่องดื่มที่ให้ความหวานอย่างเช่น น้ำส้มคั้น น้ำผลไม้ต่างๆ น้ำหวาน น้ำอัดลมก็จะช่วยให้พลังงานแก่ร่างกายและทำให้สดชื่นได้มากขึ้น มีคุณแม่บางท่านที่แพ้หนักแล้วไม่อาจดื่มน้ำได้ก็หันมาเลือกผสมน้ำเปล่ากับน้ำหวานลงไปแล้วดื่ม เพียงเท่านี้... ก็ช่วยทำให้ร่างกายไม่ขาดน้ำและภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำก็หายได้แล้ว อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคุณแม่ที่ปากและน้ำลายขมพะอืดพะอมอยู่บ่อยๆ นอกจากการดื่มน้ำผสมน้ำหวาน การหาลูกอมหวานๆ มาไว้อมบ้างก็ช่วยเปลี่ยนรสชาติในขณะดื่มน้ำได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน

เครื่องดื่มต้องห้ามขณะคุณแม่ตั้งครรภ์และแพ้ท้อง
1 นม ส่วนใหญ่เวลาแพ้ท้อง คุณแม่ไม่อาจดื่มนมได้จริงไหมคะ เพราะนมมีส่วนทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนหนักขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้ว คุณแม่แพ้ท้องใน 3 เดือนแรกจึงมักไม่ได้แนะนำให้ดื่มนม นอกเสียจากรอให้ผ่านพ้นระยะเวลาแพ้ท้องก่อนเราจึงจะหันมาดื่มนมได้ปกติ
2 เครื่องดื่มชา กาแฟ เพราะในส่วนผสมเหล่านี้มีคาเฟอีนสูงซึ่งหากคุณแม่ดื่มจนร่างกายได้รับคาเฟอีนสูงเกินไป ก็อาจมีผลกระทบร้ายแรงถึงขั้นหยุดยั้งการเจริญเติบโตของทารกอ่อนในครรภ์
3 เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลเสียจากเครื่องดื่มเหล่านี้มีมากมาย เห็นโดยตรงได้เลยว่า นอกจากจะทำลายสุขภาพของคุณแม่แล้ว ยังส่งผลกระทบร้ายแรงต่อทารกในครรภ์โดยตรงได้อีก เพราะถ้าหากไม่เกิดภาวะแท้งบุตรก็อาจเสี่ยงที่คุณแม่จะมีลูกที่พิการตั้งแต่กำเนิดได้นั่นเองค่ะ

คำแนะนำในการดื่มน้ำ
การดื่มเครื่องดื่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มชนิดใดก็แล้วแต่ ไม่ควรดื่มทีละมากๆ ทีเดียวหมด คุณแม่ที่มีอาการแพ้อาจจะทำให้ยิ่งอาเจียนหนักมากขึ้น ดังนั้น จึงควรเปลี่ยนมาจิบทีละน้อยแทนดีกว่า แต่ให้เน้นจิบบ่อยๆ ทั้งวัน คุณหมอสูติแนะนำว่า หากในช่วงเวลาที่เรากำลังพะอืดพะอม แต่ยังไม่อาเจียนออกมาก็ควรหาน้ำอุ่นที่ค่อนไปทางร้อนนิดๆ มาจิบ การได้หายใจรับเอาไอน้ำร้อนๆ เข้าไปเต็มปอด จะช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนลงได้ และถ้าหากเราอาเจียนออกไปหมดแล้ว ก็ให้ดื่มน้ำอุ่นสักแก้วตามเพื่อล้างกลิ่นอาเจียนที่ติดอยู่ในคอในปากออกไปให้หมด เพราะถ้าหากปล่อยไว้ กลิ่นอาเจียนที่คั่งค้างนั่นจะทำให้เราอยากอาเจียนได้อีกเรื่อยๆ และที่สำคัญการดื่มน้ำอุ่นหลังอาเจียนทุกครั้งจะช่วยล้างกรดจากกระเพาะที่ค้างอยู่ในหลอดอาหารให้หมดไป ซึ่งช่วยให้ไม่แสบจุกบริเวณหน้าอกหลังจากอาเจียนได้นั่นเอง
>
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของฉันในขณะที่แพ้หนักสามเดือนแรก การดื่มน้ำเปล่าในช่วงแรกๆ ถือว่าขมมาก และนั่นจึงทำให้ไม่อยากดื่มน้ำเลยแม้แต่นิด จะฝืนดื่มก็เฉพาะกับตอนที่ต้องทานยาจริงๆ หากเมื่อไม่อาจดื่มน้ำเปล่าปกติได้ ฉันจึงหาทางเลือกให้ตัวเองโดยการดื่มน้ำอัดลมแทน ซึ่งก็ช่วยได้มากเพราะนอกจากในน้ำอัดลมจะมีน้ำตาลซึ่งแปรรูปเป็นพลังงานให้แก่ร่างกายได้แล้ว ยังทำให้สดชื่นมีพลังกระฉับกระเฉงขึ้นได้มากอีกด้วย แต่การดื่มน้ำอัดลมก็ใช่ว่าจะดีต่อสุขภาพเสมอไป เพราะในน้ำอัดลมก็เต็มไปด้วยคาเฟอีนสูงถึง 27% และมีน้ำตาลสูง อย่างไรก็ตาม... เราควรดื่มเพื่อระงับหรือป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียนในบางครั้งเท่านั้น ไม่ควรดื่มแทนน้ำปกติ ยิ่งโดยเฉพาะอายุครรภ์ในไตรมาสที่สองและสาม ถ้าหากคุณแม่หลีกเลี่ยงน้ำอัดลมได้จะยิ่งดีต่อสุขภาพทารกในครรภ์มากที่สุด
มีคุณป้าท่านหนึ่งที่ฉันรู้จักเคยเล่าให้ฟังว่า “สมัยป้าแพ้ท้อง ป้าดื่มน้ำไม่ได้เลยจนถึง 5 เดือน ดื่มแล้วน้ำจะเกิดรสชาติที่ขมปี๋ทันที” นั่นทำให้ฉันนึกเห็นใจคุณป้ามากๆ และคิดไปว่าช่วงเวลานั้นมันคงเป็นอะไรที่ทรมานมากที่สุด เพราะเข้าใจว่าไม่เพียงแต่ตัวเราเองเท่านั้นที่พบเจอประสบการณ์เช่นนี้ หากยังมีคุณแม่ท่านอื่นที่ไม่อาจดื่มน้ำได้เลยจนกระทั่งวันคลอด และต้องนอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลเต็มๆ อย่างเดียว ประสบการณ์คุณแม่ท่านอื่นเหล่านี้อาจไม่ได้ช่วยให้เราหายจากอาการแพ้ท้องในทันทีทันใด แต่อย่างน้อยก็เชื่อว่า... มันทำให้เรามีพลังฮึดสู้ต่อกรกับอาการแพ้ได้มากขึ้นทีเดียว

คุณแม่แพ้ท้องทั้งหลายอาจมีอาการแพ้ที่แตกต่างกัน บางคนอาจจะดื่มน้ำได้ บางคนดื่มไม่ได้ บางคนเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืดไม่เหมือนกัน ความแตกต่างเกิดขึ้นกับสภาวะฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปและที่สำคัญทุกอย่างที่เกิดจะดีหรือแย่ลงนั้นขึ้นอยู่กับจิตใจของเราทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม หากเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วทุกคนย่อมต้องหาทางรับมือป้องกันด้วยกันทั้งนั้น การเลือกเครื่องดื่มที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายในขณะแพ้ท้องก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งซึ่งช่วยลดอาการลงได้ และยังให้คุณประโยชน์แก่ร่างกายคุณแม่ สำคัญที่ว่า... คุณแม่จะต้องค่อยๆ ปรับตัวเลือกดื่มเครื่องดื่มที่เหมาะสมกับการตอบสนองของร่างกายในช่วงเวลานั้นให้ได้มากที่สุดเป็นพอ เหมือนอย่างฉัน แม้จะทราบดีว่าขิงมีประโยชน์เพียงไหน หากร่างกายกลับมีปฏิกิริยาเหม็นกลิ่นขิงอยู่ดี จึงทำให้ไม่อาจดื่มน้ำขิงได้ สุดท้ายแล้วการเลือกดื่มน้ำอัดลมและจิบๆ ในระหว่างวันที่คอแห้งสลับกับน้ำเปล่าเป็นระยะ จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีและเหมาะสมกับตัวเองในช่วงเวลานั้นมากที่สุด

อย่าปล่อยให้สภาพร่างกายและจิตใจเราเป็นดั่งกิ่งไม้แห้งที่ไร้ใบไม้ประดับ ชโลมเครื่องดื่มในแบบที่ใจเราต้องการสิคะ ความสดชื่นจากการฟื้นฟูชีวิตใหม่จะกลับมาเริ่มต้นอย่างสดใสอีกครั้ง


บทความโดย Meemodel Team
Meemodel Team | ผู้เขียน

ทีมงาน meemodel ที่ชื่นชอบการเขียนบทความ และสนุกกับการใช้ชีวิต


บทความที่เกี่ยวข้อง




เว็บไซต์นี้ใช้ cookie เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ รายละเอียด